[รีวิว] หนัง : Sing Street (2016) หนังที่มีดีมากกว่าแค่เพลงเพราะ

Sing Street [4/5]
Type : Drama, Music & Performing Arts

หนังที่มีดีมากกว่าแค่เพลงเพราะ แต่กลับเอาการใช้ชีวิต และการมองโลกมาสอนเราได้อย่างดี

[รีวิว]

ตัวหนังพูดถึง ไอร์แลนด์ยุค 80 เศรษฐกิจตกต่ำ หลายครอบครัวตกงาน นั่นถึงเป็นเหตุให้พระเอกของเรื่องถูกย้ายโรงเรียน และมาเจอโลกอีกแบบหนึ่งที่เขาไม่เคยเจอ ทั้งการกลั่นแกล้งจากเพื่อน โดยที่ครูก็ไม่คิดที่ห้าม หรือการลงไม้ลงมือจากครูเองก็ตาม ซึ่งเขาก็ต้องปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้ได้ในโรงเรียนนี้

เรามองว่าพระเอกเป็นคนที่โชคดีนะ ได้พี่ดี เจอเพื่อน และสาวที่ส่งผลไปในทางบวกกับชีวิตเค้า การได้เจอสาวคนนี้ ทำให้เค้ามีกลุ่มเพื่อน ที่แม้จะตั้งวงดนตรีเพื่อจีบสาวก็เถอะ แต่จากจุดเริ่มต้นแค่จีบสาว มันพัฒนาเป็นอะไรที่จริงจัง จนเกิดความตั้งใจที่จะเขียนเพลง สร้างเพลง จากการนำสิ่งที่พบเจอในชีวิตมากลั่นกรองเป็นถ้อยคำในบทเพลง
ทั้งยังมีพี่ชายที่คอยสนับสนุนเรื่องการทำเพลง จากที่ไม่สนิทกัน ก็กลับสนิทกันมากขึ้นเพราะการทำเพลง และยังคอยให้กำลังใจกันเมื่อครอบครัวพบเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก และชีวิตพี่ชายก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้เค้ามีความฝันที่ใหญ่ขึ้น กล้าที่จะไปไล่ตามความฝัน เพื่อแทนสิ่งที่พี่ชายเค้าพลาดโอกาสที่จะได้ทำมัน

เรื่องของพี่ชายพระเอก แสดงให้เห็นว่า เมื่อพ่อแม่รักเรามากเกินไป พวกเขาจะปิดกั้นเราจากสิ่งที่คิดว่าทำให้เราไม่ปลอดภัย แม้ว่าสิ่งเรานั้นจะเป็นสิ่งที่เราต้องการหรืออยากทำก็ตามที จนสุดท้ายเราก็พลาดโอกาสนั้นในชีวิตไป และมันจะส่งผลกระทบอย่างจัง เราจะยึดติด เพราะจะคิดเสมอว่าเราควรจะได้มันมา และบางคนอาจเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หรือไปใช้ชีวิตในทางที่ไม่ดีก็ได้ ซึ่งมันมีสิ่งนี้จริงๆในชีวิตจริง บางครอบครัวก็อาจสนับสนุนที่ลูกอยากทำ แต่บางครอบครัวก็อาจจะไม่ 

และเรื่องนักเลงที่อัดพระเอก เราชอบมุมมองที่พระเอกมองมากๆ แม้ว่าคนอื่นจะไม่ชอบเรา เกลียดเรา อยากแกล้งเรา แต่ถ้าเรามองว่าเค้าไม่มีตัวตน ไม่อยู่ในสายตา สิ่งใดๆก็จะมาทำร้ายความรู้สึกไม่ได้ เพราะคนเหล่านั้นไม่มีค่าพอ เออ มันเจ๋งอะ

ทั้งสอนเรื่องคุณค่าชีวิตคน มันขึ้นอยู่กับการให้โอกาส และการยื่นคุณค่าไปให้เค้า อย่างในเรื่องคือพระเอกเสนอให้นักเลงคนนั้นมาทำงานร่วมกับวง ใช้พลังงานในทางที่ถูก เอามายกของแบกของ บวกเป็นการ์ดของวงไปในตัวไหม ดีกว่าทำตัวเป็นนักเลงไปวันๆ หรือจะอยู่เป็นเบี้ยล่างพ่อที่ชอบทุกตี ใช้กำลังกับลูก ที่ทำให้เขากลายเป็นนักเลงแบบทุกวันนี้ และเมื่อรับข้อเสนอ เราได้เห็นว่า คนเปลี่ยนไปได้ เมื่อสังคมมองว่าเรามีคุณค่า เราก็อยากที่จะทำตัวดีขึ้น และเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือคำว่า Happy Sad คือมันติดหู ติดปากมากจากในหนัง ที่ตอนแรกพระเอกไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร จนค่อยๆเข้าใจว่าชีวิตมันมีทั้งช่วงที่สุข และทุกข์ แต่เราก็ต้องยอมรับ และใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ เพราะชีวิตก็แบบนี้แหละ
ตัวละครที่เราชอบสุด คงเป็น Eamon คนที่เล่นเครื่องดนตรีได้ทุกประเภท และช่วยพระเอกแต่งทำนองเพลง เขาดูเจ๋งอะ ดูเป็นเด็กที่มีพรสววรค์ มีความสามารถ แม้ที่บ้านจะมีแม่ที่ขี้จุกจิก พ่อที่ติดเหล้า แต่เขาก็ยังสามารถทำตัวให้ดีได้อะ ดูเป็นเด็กดี และมักทำอะไรเพื่อแม่ เชื่อฟังแม่อยู่เสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่สูบกัญชา แถมยังรักกระต่ายมากๆอีกด้วย ดูเป็นผู้ชายน่ารัก อบอุ่นชะมัด เราว่าคนนี้น่าจับจองที่สุด 55555

และขอชื่นชมนางเอกสักนิด เราว่านางดีมาก สวย ดึงดูด น่าหลงใหลสุดๆ นางเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของเพลงทั้งหมด ชอบๆ ยิ่งตอนนางแต่งหน้าน้อยๆนะ น่ารักสุดๆ และเราว่านางคล้าย Dianna Argon มากกกก 

[ Soundtrack ] ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นี่เปิดวนไปวนมาหลายวันละ ติดหูมากกกก
- Drive It Like You Stole It - Hudson Thames  เพลงที่แทนความในใจพระเอก ที่อย่างให้ทุกอย่างในชีวิตสมหวัง ทุกคนมีความสุข



- Up - The Score เพลงที่สุดแสนจะ Happy Sad เหลือเกิน เพระามากกกก



- Go Now - Adam Levine เพลงตอนจบของเรื่อง ตอนที่ขับเรือออกทะเล ความหมายดีมากจริงๆ แทนการไล่ตามความฝันของทุกคนในเรื่องจริงๆ



ปล. นี่ติดใจตอนจบอยู่หน่อย คือมันจะขับเรือไปถึงอังกฤษไหม เลือกเล็กขนาดนั้น จะตายในทะเลก่อนหรือเปล่า 55555

By. เจ้าพีฯ

Share on Google Plus

About PEARRIEZ

ชอบดูหนัง อ่านหนังสือนิยาย การ์ตูน ฟังเพลง ท่องเที่ยว อะไรที่ทำแล้ว Entertain ตัวเองคือชอบหมด หวังว่าสิ่งที่เราชอบ ที่เราแนะนำ จะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างสักเล็กน้อยก็คงดี ^^
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 Comments:

แสดงความคิดเห็น