Equals [9.9/10]
Type : Drama, Romance, Sci-Fi
โลกในยุคอนาคต หลังจากที่มนุษย์ทำสงครามใส่กัน จนทำให้ผู้คนล้มตายลงไปมาก จนเหลือพื้นที่เพียง ไม่ถึง 10% บนผิวโลกที่มนุษย์จะอาศัยอยู่ได้ และคนที่อาศัยอยู่ภายใต้เมืองนี้ เป็นมนุษย์ที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมแล้ว ไม่ให้มีความรู้สึกใดๆหลงเหลืออยู่ โดยแต่ละวันจะทำกิจวัตรเดิมๆ ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น และหากใครมีอาการ SOS (Switched On Syndrome) หรืออาการที่แสดงผลให้มีความรู้สึกนึกคิดใดๆ โดยอาการมีตั้งแต่อารณ์แปรปรวน แพ้แสงแดด เวียนหัว จนร้ายแรงถึงฆ่าตัวตาย ดังนั้นใครที่มีอาการ SOS นี้ จะต้องถูกส่งตัวไปรักษาที่ The Den ซึ่งเป็นที่ที่ไม่เคยมีใครรอดกลับมาเลย
แล้วอยู่มาวันนึง ไซลาส (Nicholas Hoult) นักวาดภาพ ก็ได้สังเกตุเห็นเพื่อนร่วมงาน นีอา (Kristen Stewart) เหมือนคนมีอาการ SOS ทั้งการแสดงสีหน้า และวิธีมองโลกของเธอ ยิ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้นไปอีก แต่อาจเพราะสาเหตุนี้เองหรือเปล่าที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยและไปกระตุ้นให้เขามีอาการของโรค SOS และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถละสายตาจากนีอาได้เลย แล้วความรู้สึกแปลกๆนี้ที่เขาไม่พบเจอคืออะไร และคนสองคนที่จะมาร่วมกันเรียนรู้ความรู้สึกนี้ไปพร้อมๆกัน แล้วความรักของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร ในเมื่อความรู้สึกทั้งหมดนี้กลับเป็นสิ่งต้องห้ามของที่นี่ !
[รีวิว]
หนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งในหนังหลายๆเรื่อง ที่กล่าวถึงโลกอนาคต ที่เหลือกลุ่มคนอยู่จำนวนไม่มากบนโลก จึงต้องมีวิธีจัดการให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ดำรงอยู่ต่อไป โดยเรื่องนี้ใช้วิธีจัดการให้คนไร้ความรู้สึกซะเลย และวิธีขยายเผ่าพันธุ์คือการคัดสรรหญิงสาวที่เหมาะสมไปตั้งครรภ์ด้วยวิธีผสมเทียม
การใช้ชีวิตของคนที่นี่ ทุกอย่างคือกิจวัตรมากๆ ตื่น อาบน้ำ กินข้าว ทำงาน กินข้าว นอน และคุยกับคนด้วยกันเองน้อยมากๆ และไม่เคยพูดถึงเรื่องส่วนตัว เราจะได้เห็นโลกนี้ในมุมแปลกๆ เทคโนโลยีสุดล้ำ ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน การโดยสารด้วยรถไฟฟ้าที่ฟรี โดยใช้การสแกน ID เพื่อเป็นการระบุตัวตน เพราะคนที่นี่ไม่ใช้เงินกัน เราคิดว่าทั้งหมดนี้คือรัฐบาลหรืออาจจะเป็นผู้ควบคุมเมืองนี้เป็นคนจัดสรรให้ โดยในหนังไม่ได้มีการกล่าวถึงผู้ควบคุมเมืองเลย
ว่าด้วยเรื่องหนังกันดีกว่า เราชอบตั้งแต่แรกเริ่ม ที่แสดงให้เห็นว่าคนที่นี่มีกิจวัตรประจำวันคืออะไร เป็นอยู่ยังไง และไซลาส พระเอกเราเป็นแบบไหนมาก่อนจะเกิดอาการ SOS เราชอบวิธีเล่าเรื่องด้วยภาพ แสง สี ของแต่ละฉากมากๆด้วย สิ่งเหล่านี้มันเล่าไปตามอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้น และมันทำให้คนดูอย่างเราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากๆ ซึ่งแรกเริ่มนั้นทุกอย่างมันเป็นสีขาว ภาพเคลียร์ คมชัด ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้า สีส้ม สีแดงอ่อนๆ หรือภาพเบลอนิดๆ ภาพสั่นไหวเบาๆ แทนความรู้สึกของตัวละครนั่นเอง
ความรู้สึกของตัวละคร เราชอบมากๆๆๆ แบบโครตชอบเลยอะ ตั้งแต่ความรู้สึกแรกรัก หลงใหล ความลังเลในการเผชิญหน้า ความกล้าหาญในการก้าวเข้าไปหา การโดนปฏิเสธที่เหมือนอกหัก การเสียสละตนเองออกมาเพื่อความอยู่รอดของนีอา การเผชิญหน้ากับความกลัว การก้าวผ่านความกลัว การหาทางออกเพื่อชีวิตคู่ อาการใจสลายเมื่อรู่ว่าคนที่เรารักตาย หรือความปวดใจกับการที่เห็นคนที่เรารักไม่รักเราแล้ว มันโครตเข้าถึงอารมณ์ตัวละครเลยอะ หนังเรื่องนี้มันเล่นกันอินเนอร์และอารมณ์เราสุดๆ อีกทั้งซาวน์ แสง สี ของภาพยิ่งช่วยบิ๊วไปอีกกก ตั้งแต่ที่ว่าทำให้คนดูอย่างเราเขินไปกับตัวละคร จนถึงคำว่าสะเทือนใจในฉากหลังๆของเรื่องเลยหละ เพราะทั้งหมดที่เกิดกับทั้งคู่ มันไม่ใช่เกิดผ่านความคิด แต่มันเกิดจากความรู้สึกล้วนๆเลย
นักแสดงทั้งนิคกับคริส ยังมีอะไรต้อบอธิบายอีกเหรอ พวกนางก็เล่นดีมากทุกเรื่องอยู่แล้ว แค่เรื่องนี้พวกนางดีโครตๆๆไปเลย เพราะครึ่งเรื่องบทพูดน้อยมากๆ เน้นการสื่ออารมณ์ด้วยสายตา ท่าทาง ความกล้ากลัวๆในการสัมผัส และมือที่สั่นน้อยๆนั่น และการยิ้มด้วยสายตา โอ้ยยย อินเนอร์พวกนางดีมากกกก
และแน่นอนที่สุด เรื่องนี้นิคหล่อมากกกกกก หล่อแบบกระชากใจคนดูโครตๆ ฉากยิ้มด้วยมุมปาก นี่ตายๆๆๆๆ ละลายไปกับเบาะเก้าอี้แล้วจ้าาา เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะ! ดูนิคกับคริสก็ฟินแล้วอะ ดาราวัยรุ่นตัวเบ้งของยุคนี้เลยนี่นา >_<!!
ปล. ขอหักคะแนน 0.1 เพราะจุดบอดเรื่องที่พวกนางแอบไปนอนด้วยกัน คือเทคโนโลยีแกล้ำมาก กล้องแอบจับภาพก็มี แต่ทำไมแกจับภาพตอนนีอาแอบย่องขึ้นห้องไม่ได้ฟระ 5555
[สปอยแหลกเนื้อเรื่อง และรีวิวอารมณ์ตัวละครแบบสุดๆ !!]
ไซลาส เขาพบว่าตัวเองมีอาการ SOS หลังจากนั้นทุกอย่างสำหรับเขาจึงค่อยๆเปลี่ยนไป ไซลาสรู้สึกแปลกประหลาดกับนีอา เขาชอบเดินตามเธออยู่บ่อยๆ รวมถึงขอแลกงานที่ทำกับคนอื่นเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเธอ ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออาการของคนเริ่มรัก ตอนแรกรัก เราชอบใคร หลงใคร ก็อยากจะอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา และยิ่งเจ็บปวดเมื่อโดนเธอปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันยากไปกว่านี้นั่นเอง เพื่อให้เขาและเธออยู่รอดต่อไป แต่เมื่อใจเขายังต้องการแต่เธอ เขาก็ไม่ยอมถอยง่ายๆแค่นั้น แต่ยังก้าวเข้าไปหาเธออย่างกล้าหาญ จนเธอยอมเปิดใจเล่าเรื่องราวต่างๆให้เขาฟัง และบอกว่าเธอก็เป็น SOS เช่นกัน แต่เป็นพวกแฝงตัว ไม่ได้ไปหาหมอจึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นโรคนี้
และแน่หละ เมื่อคนเป็น SOS อยู่ใกล้กัน มันยิ่งยากขึ้นมากๆในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน แต่พวกเขาก็ยังพยายาม โดยนัดเจอกันในห้องน้ำในเวลาหลังเลิกงาน ใช้เวลาน้อยนิดที่มีเรียนรู้กันและกัน รวมถึงการสัมผัสซึ่งกันและกัน ตอนแรกมันมันยากมาก มันแปลก การลังเลในการสัมผัส ตอนจับมือครั้งแรก กอดครั้งแรก ทุกอย่างมันคือความรู้สึกใหม่ๆทั้งหมด แต่พวกเขาก็เรียนรู้ความรู้สึกเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน จนวันนึงไซลาสถูกตักเตือนจากหัวหน้างาน ด้วยความระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ ไซลาสจึงเลือกที่จะย้ายงานใหม่ ขอถอยห่างจากนีอา เพราะกลัวว่านีอาจะพลอยซวยไปด้วย และนี่เอง ที่ทำให้เค้าค้นพบความรู้สึกใหม่ให้กับนีอาอีกครั้ง มันคือความคิดถึง โหยหา และการปกป้อง เพื่อให้เธอปลอดภัย แม้เขาจะต้องถอยออกมา เขาก็จะอดทน ซึ่งมันคือความเจ็บปวด ของการแยกจากกับคนรัก
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า การที่เขาตัดสินใจแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อนีอา มันส่งผลต่อความรู้สึก การควบคุมอารณ์ของเธอ เธอเจ็บปวดที่เขาถอยจากไป เพราะเขาก้าวเข้ามาในหัวใจเธอแล้ว เข้ามาในชีวิตเธอ และเมื่อเขาหายไป เธอทนไม่ได้ และเมื่อความรู้สึกและความอดทนของเธอถึงขีดสุด เธอโมโหมาก และเธออยากจะทำร้าย อยากจะลงทุกอย่างที่เขา เธอไปหาเขาถึงห้องเพื่อทุบตี ไร้ซึ่งการกล่าวโทษใดๆ มันคือการระเบิดอารมณ์ของนีอา เพราะเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้ดีมาตลอด เธอกดดันกว่าใคร แต่ไซลาสกลับมาทำให้สิ่งเหล่านี้ที่เปรียบเสมือนกำแพงของเธอทลายลงไป ทั้งโมโห ทั้งโหยหา ทั้งความคิดถึงที่สะสมมานานนับวัน และพอได้พบเจอ สิ่งเหล่านั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันจนพวกเขาเลือกที่จะก้าวผ่านความกลัว และปล่อยให้อารมณ์ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และสุดท้ายพวกเขาก็เป็นของกันและกัน และมันกลายเป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขาได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง และดังคำกล่าวของไซลาสที่มีนีอาในอ้อมกอดว่า 'ไม่รู้มนุษย์จะพยายามค้นหาดาวดวงใหม่บนจักรวาลไปทำไม ในเมื่อทุกอย่างที่สำคัญอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง' (ฉากนี้ ตายค่ะ ละลายไปกับพื้นแล้วค่ะ -///-)
แทนความคิดถึงโหยหาที่ไม่ได้ทำงานด้วยกันอีกแล้ว พวกเขาแอบพบกัน แอบนัดกัน และแอบมาอยู่ด้วยกันทุกคืนที่ห้องของไซลาส จนกระทั่งวันนึงที่เมืองออกข่าวประกาศว่า สามารถคิดค้นยารักษาโรค SOS ได้แล้ว และจะฉีดให้ทุกคนที่เป็นโรคนี้ (ก็คือทุกคนที่ลงทะเบียนโรคกับหน่วยแพทย์ นีอาเราจึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย) ซึ่งไซลาสเลือกจะไม่ฉีดยา และจะหาวิธีหนีออกจากเมืองไปกับนีอาโดยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนกลุ่ม SOS ที่เชื่อถือได้ โดยไม่ลังเลว่าข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะหาเมืองอื่นๆตามเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่ามีเมืองอื่นที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เป็น SOS อยู่เจอหรือไม่ ขอเพียงแต่ออกจากที่นี่ได้เป็นพอ
แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลก ด้วยนีอาถูกเกณฑ์ไปตั้งครรภ์ก่อนถึงวันกำหนดที่จะหนีไปด้วยกัน และเมื่อนีอาถูกเรียกตัวไปตรวจร่างกาย กลับพบว่าเธอท้องอยู่แล้ว เธอที่ไร้ซึ่งทางเลือกจึงถูกส่งตัวไป The Den แต่ก็ได้ความช่วยเหลือจากกลุ่ม SOS ด้วยกัน โดยให้เธอสลับ ID กับคนอื่นที่ตายไปแล้ว และแฝงตัวในนามของคนนั้นแทน และจะระบุใน ID ของนีอาว่าเธอตายไปแล้ว ซึ่งพอไซลาสที่ออกตามหานีอา มาถามถึง The Den ว่าเธออยู่ไหนยังไง และรู้ข่าวว่านีอาตายแล้ว ไซลาสแทบใจสลาย เขาเกือบจะโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายเค้าก็เลือกอีกทางหนึ่ง คือยอมรับการฉีดยารักษา อาจเพียงเพื่อว่าต้องการให้นีอาอยู่ในความทรงจำ แม้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แต่เธอก็จะยังอยู่ในนั้น ตลอดไป (เราว่าทางเลือกนี้มันเศร้ามากๆ สะเทือนใจและบีบคั้นอารมณ์ที่สุด และฉากที่จะกระโดด ตอนลังเล ตอนมองลงไปข้างล่าง ตอนหลับตาจะก้าวเดินออกไปนั่น แค่เพียงเดินออกไปครึ่งก้าว ไซลาสก็หล่นลงไปตายแล้วอะตื่นเต้น ลุ้น จะบีบหัวใจคนดูไปไหน T^T)
แต่พอเขากลับห้อง เขาได้พบกับนีอา นีอาบอกว่าเธอและลูกยังปลอดภัยดี แต่นีอาได้พบว่าเขาไปฉีดยามาแล้ว เพียงเพราะนึกว่าเธอตายไป และแม้ว่ายาจะยังไม่ซึมเข้าร่างกายเขาอย่างสมบูรณ์ และจะมีเวลาอีกเพียงเล็กน้อยที่เขาจะรู้สึก และเป็นตัวเขาแบบนี้ ทำให้นีอาเศร้าเป็นที่สุด และขอให้อย่ายอมแพ้ต่อยานะ สู้กับมันนะ อย่าลืมความรู้สึกและสัมผัสเหล่านี้ไปนะ มันสะเทือนใจมากๆ โดยเฉพาะไซลาสที่ร้องไห้ และขอให้เธออย่าโกรธ และอดทน แม้ว่าหากพรุ่งนี้เขาจะพูดสิ่งใดที่ทำร้ายจิตใจเธอออกไป ก็ขอให้เธอมีศรัธาในตัวเขานะ เพราะเขาจะไม่ยอมแพ้กับมัน และพวกเขาก็บอกรักกันจนหลับไป
และเช้าวันรุ่งขี้น นีอาตื่นมาและพบว่าไซลาสแปลกไปแล้ว เขากลายเป็นคนปกติของที่นี่ไปเสียแล้ว เธอถามเขาว่า รักเธอหรือเปล่า และเขาตอบว่า จำได้ว่าเคยรักเธอ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว คือมันโครตปวดใจเลยหวะ แต่แผนที่จะหนีออกไปก็ยังคงเดิม เพราะไซลาสไม่มีความรู้สึกไง สิ่งใดที่วางแผนไปแล้ว เขาก็จะทำต่อไปตามนั้น ใจนีอาคือเจ็บปวดที่สุด มันเหมือนเราจะไปอยู่กับคนที่เรารัก แต่เขาไม่รักเราแล้วอะ มีแต่ตัว ไม่มีใจให้แบบนั้น ยิ่งมองแผ่นหลังของไซลาสก็ยิ่งเศร้า มันเหมือนย้อนกลับไปตอนแรกที่ไซลาสเอาแต่เดินตามเธอ คอยแอบมองเธอห่างๆ มันอารมณ์แบบนั้นเลย รักเขาแต่เขาไม่รักเราไง โครตเจ็บอะ และแม้ว่าไซลาสจะขึ้นรถไฟไปกับเธอ แต่ก็เลือกนั่งกันคนละที่ เขานั่งอยู่ข้างหลังเธอ และเมื่อเธอนั่งย้อนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แรกรัก ตอนเขายิ้มให้เธอ กอดเธอ หัวเราะกับเธอ มันโครตเจ็บปวด จนเธอร้องไห้ออกมา และทั้งหมดที่เธอเป็นนี้ การที่เห็นเธอร้องไห้ทำให้ไซลาสที่นั่งด้านหลังเธอเหมือนจะมีความรู้สึกกลับมา จึงเดินมานั่งข้างเธอ และค่อยๆจับมือเธอเอาไว้ เหมือนเป็นการปลอบโยน และมองหน้ากัน เสมือนการแทนคำพูดว่าเขากลับมาแล้วนั่นเอง
ปล. เห็นไหม หนังบ้าไร โครตสะเทือนใจเลย T___T
[ Soundtrack ] และไม่ควรพลาดกับเพลงประกอบหนังและทีเซอร์ ที่ช่วยบิ๊วอารมณ์ให้สะเทือนใจขนาดนี้
1. Aurora - Winter Bird
2. Kill for love - Chromatics
ส่งท้ายด้วย gif นี้ สมัยแรกรัก โครตน่ารักเลยค่าาาา
การใช้ชีวิตของคนที่นี่ ทุกอย่างคือกิจวัตรมากๆ ตื่น อาบน้ำ กินข้าว ทำงาน กินข้าว นอน และคุยกับคนด้วยกันเองน้อยมากๆ และไม่เคยพูดถึงเรื่องส่วนตัว เราจะได้เห็นโลกนี้ในมุมแปลกๆ เทคโนโลยีสุดล้ำ ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน การโดยสารด้วยรถไฟฟ้าที่ฟรี โดยใช้การสแกน ID เพื่อเป็นการระบุตัวตน เพราะคนที่นี่ไม่ใช้เงินกัน เราคิดว่าทั้งหมดนี้คือรัฐบาลหรืออาจจะเป็นผู้ควบคุมเมืองนี้เป็นคนจัดสรรให้ โดยในหนังไม่ได้มีการกล่าวถึงผู้ควบคุมเมืองเลย
ว่าด้วยเรื่องหนังกันดีกว่า เราชอบตั้งแต่แรกเริ่ม ที่แสดงให้เห็นว่าคนที่นี่มีกิจวัตรประจำวันคืออะไร เป็นอยู่ยังไง และไซลาส พระเอกเราเป็นแบบไหนมาก่อนจะเกิดอาการ SOS เราชอบวิธีเล่าเรื่องด้วยภาพ แสง สี ของแต่ละฉากมากๆด้วย สิ่งเหล่านี้มันเล่าไปตามอารมณ์ของตัวละครในขณะนั้น และมันทำให้คนดูอย่างเราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากๆ ซึ่งแรกเริ่มนั้นทุกอย่างมันเป็นสีขาว ภาพเคลียร์ คมชัด ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้า สีส้ม สีแดงอ่อนๆ หรือภาพเบลอนิดๆ ภาพสั่นไหวเบาๆ แทนความรู้สึกของตัวละครนั่นเอง
ความรู้สึกของตัวละคร เราชอบมากๆๆๆ แบบโครตชอบเลยอะ ตั้งแต่ความรู้สึกแรกรัก หลงใหล ความลังเลในการเผชิญหน้า ความกล้าหาญในการก้าวเข้าไปหา การโดนปฏิเสธที่เหมือนอกหัก การเสียสละตนเองออกมาเพื่อความอยู่รอดของนีอา การเผชิญหน้ากับความกลัว การก้าวผ่านความกลัว การหาทางออกเพื่อชีวิตคู่ อาการใจสลายเมื่อรู่ว่าคนที่เรารักตาย หรือความปวดใจกับการที่เห็นคนที่เรารักไม่รักเราแล้ว มันโครตเข้าถึงอารมณ์ตัวละครเลยอะ หนังเรื่องนี้มันเล่นกันอินเนอร์และอารมณ์เราสุดๆ อีกทั้งซาวน์ แสง สี ของภาพยิ่งช่วยบิ๊วไปอีกกก ตั้งแต่ที่ว่าทำให้คนดูอย่างเราเขินไปกับตัวละคร จนถึงคำว่าสะเทือนใจในฉากหลังๆของเรื่องเลยหละ เพราะทั้งหมดที่เกิดกับทั้งคู่ มันไม่ใช่เกิดผ่านความคิด แต่มันเกิดจากความรู้สึกล้วนๆเลย
นักแสดงทั้งนิคกับคริส ยังมีอะไรต้อบอธิบายอีกเหรอ พวกนางก็เล่นดีมากทุกเรื่องอยู่แล้ว แค่เรื่องนี้พวกนางดีโครตๆๆไปเลย เพราะครึ่งเรื่องบทพูดน้อยมากๆ เน้นการสื่ออารมณ์ด้วยสายตา ท่าทาง ความกล้ากลัวๆในการสัมผัส และมือที่สั่นน้อยๆนั่น และการยิ้มด้วยสายตา โอ้ยยย อินเนอร์พวกนางดีมากกกก
และแน่นอนที่สุด เรื่องนี้นิคหล่อมากกกกกก หล่อแบบกระชากใจคนดูโครตๆ ฉากยิ้มด้วยมุมปาก นี่ตายๆๆๆๆ ละลายไปกับเบาะเก้าอี้แล้วจ้าาา เอาเป็นว่าไปดูกันเถอะ! ดูนิคกับคริสก็ฟินแล้วอะ ดาราวัยรุ่นตัวเบ้งของยุคนี้เลยนี่นา >_<!!
ปล. ขอหักคะแนน 0.1 เพราะจุดบอดเรื่องที่พวกนางแอบไปนอนด้วยกัน คือเทคโนโลยีแกล้ำมาก กล้องแอบจับภาพก็มี แต่ทำไมแกจับภาพตอนนีอาแอบย่องขึ้นห้องไม่ได้ฟระ 5555
[สปอยแหลกเนื้อเรื่อง และรีวิวอารมณ์ตัวละครแบบสุดๆ !!]
ไซลาส เขาพบว่าตัวเองมีอาการ SOS หลังจากนั้นทุกอย่างสำหรับเขาจึงค่อยๆเปลี่ยนไป ไซลาสรู้สึกแปลกประหลาดกับนีอา เขาชอบเดินตามเธออยู่บ่อยๆ รวมถึงขอแลกงานที่ทำกับคนอื่นเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับเธอ ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออาการของคนเริ่มรัก ตอนแรกรัก เราชอบใคร หลงใคร ก็อยากจะอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา และยิ่งเจ็บปวดเมื่อโดนเธอปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันยากไปกว่านี้นั่นเอง เพื่อให้เขาและเธออยู่รอดต่อไป แต่เมื่อใจเขายังต้องการแต่เธอ เขาก็ไม่ยอมถอยง่ายๆแค่นั้น แต่ยังก้าวเข้าไปหาเธออย่างกล้าหาญ จนเธอยอมเปิดใจเล่าเรื่องราวต่างๆให้เขาฟัง และบอกว่าเธอก็เป็น SOS เช่นกัน แต่เป็นพวกแฝงตัว ไม่ได้ไปหาหมอจึงไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นโรคนี้
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า การที่เขาตัดสินใจแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อนีอา มันส่งผลต่อความรู้สึก การควบคุมอารณ์ของเธอ เธอเจ็บปวดที่เขาถอยจากไป เพราะเขาก้าวเข้ามาในหัวใจเธอแล้ว เข้ามาในชีวิตเธอ และเมื่อเขาหายไป เธอทนไม่ได้ และเมื่อความรู้สึกและความอดทนของเธอถึงขีดสุด เธอโมโหมาก และเธออยากจะทำร้าย อยากจะลงทุกอย่างที่เขา เธอไปหาเขาถึงห้องเพื่อทุบตี ไร้ซึ่งการกล่าวโทษใดๆ มันคือการระเบิดอารมณ์ของนีอา เพราะเธอเป็นคนที่เก็บอารมณ์ได้ดีมาตลอด เธอกดดันกว่าใคร แต่ไซลาสกลับมาทำให้สิ่งเหล่านี้ที่เปรียบเสมือนกำแพงของเธอทลายลงไป ทั้งโมโห ทั้งโหยหา ทั้งความคิดถึงที่สะสมมานานนับวัน และพอได้พบเจอ สิ่งเหล่านั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันจนพวกเขาเลือกที่จะก้าวผ่านความกลัว และปล่อยให้อารมณ์ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ และสุดท้ายพวกเขาก็เป็นของกันและกัน และมันกลายเป็นสิ่งใหม่ที่พวกเขาได้เรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง และดังคำกล่าวของไซลาสที่มีนีอาในอ้อมกอดว่า 'ไม่รู้มนุษย์จะพยายามค้นหาดาวดวงใหม่บนจักรวาลไปทำไม ในเมื่อทุกอย่างที่สำคัญอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง' (ฉากนี้ ตายค่ะ ละลายไปกับพื้นแล้วค่ะ -///-)
แทนความคิดถึงโหยหาที่ไม่ได้ทำงานด้วยกันอีกแล้ว พวกเขาแอบพบกัน แอบนัดกัน และแอบมาอยู่ด้วยกันทุกคืนที่ห้องของไซลาส จนกระทั่งวันนึงที่เมืองออกข่าวประกาศว่า สามารถคิดค้นยารักษาโรค SOS ได้แล้ว และจะฉีดให้ทุกคนที่เป็นโรคนี้ (ก็คือทุกคนที่ลงทะเบียนโรคกับหน่วยแพทย์ นีอาเราจึงไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย) ซึ่งไซลาสเลือกจะไม่ฉีดยา และจะหาวิธีหนีออกจากเมืองไปกับนีอาโดยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนกลุ่ม SOS ที่เชื่อถือได้ โดยไม่ลังเลว่าข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะหาเมืองอื่นๆตามเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่ามีเมืองอื่นที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เป็น SOS อยู่เจอหรือไม่ ขอเพียงแต่ออกจากที่นี่ได้เป็นพอ
แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลก ด้วยนีอาถูกเกณฑ์ไปตั้งครรภ์ก่อนถึงวันกำหนดที่จะหนีไปด้วยกัน และเมื่อนีอาถูกเรียกตัวไปตรวจร่างกาย กลับพบว่าเธอท้องอยู่แล้ว เธอที่ไร้ซึ่งทางเลือกจึงถูกส่งตัวไป The Den แต่ก็ได้ความช่วยเหลือจากกลุ่ม SOS ด้วยกัน โดยให้เธอสลับ ID กับคนอื่นที่ตายไปแล้ว และแฝงตัวในนามของคนนั้นแทน และจะระบุใน ID ของนีอาว่าเธอตายไปแล้ว ซึ่งพอไซลาสที่ออกตามหานีอา มาถามถึง The Den ว่าเธออยู่ไหนยังไง และรู้ข่าวว่านีอาตายแล้ว ไซลาสแทบใจสลาย เขาเกือบจะโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายเค้าก็เลือกอีกทางหนึ่ง คือยอมรับการฉีดยารักษา อาจเพียงเพื่อว่าต้องการให้นีอาอยู่ในความทรงจำ แม้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว แต่เธอก็จะยังอยู่ในนั้น ตลอดไป (เราว่าทางเลือกนี้มันเศร้ามากๆ สะเทือนใจและบีบคั้นอารมณ์ที่สุด และฉากที่จะกระโดด ตอนลังเล ตอนมองลงไปข้างล่าง ตอนหลับตาจะก้าวเดินออกไปนั่น แค่เพียงเดินออกไปครึ่งก้าว ไซลาสก็หล่นลงไปตายแล้วอะตื่นเต้น ลุ้น จะบีบหัวใจคนดูไปไหน T^T)
แต่พอเขากลับห้อง เขาได้พบกับนีอา นีอาบอกว่าเธอและลูกยังปลอดภัยดี แต่นีอาได้พบว่าเขาไปฉีดยามาแล้ว เพียงเพราะนึกว่าเธอตายไป และแม้ว่ายาจะยังไม่ซึมเข้าร่างกายเขาอย่างสมบูรณ์ และจะมีเวลาอีกเพียงเล็กน้อยที่เขาจะรู้สึก และเป็นตัวเขาแบบนี้ ทำให้นีอาเศร้าเป็นที่สุด และขอให้อย่ายอมแพ้ต่อยานะ สู้กับมันนะ อย่าลืมความรู้สึกและสัมผัสเหล่านี้ไปนะ มันสะเทือนใจมากๆ โดยเฉพาะไซลาสที่ร้องไห้ และขอให้เธออย่าโกรธ และอดทน แม้ว่าหากพรุ่งนี้เขาจะพูดสิ่งใดที่ทำร้ายจิตใจเธอออกไป ก็ขอให้เธอมีศรัธาในตัวเขานะ เพราะเขาจะไม่ยอมแพ้กับมัน และพวกเขาก็บอกรักกันจนหลับไป
และเช้าวันรุ่งขี้น นีอาตื่นมาและพบว่าไซลาสแปลกไปแล้ว เขากลายเป็นคนปกติของที่นี่ไปเสียแล้ว เธอถามเขาว่า รักเธอหรือเปล่า และเขาตอบว่า จำได้ว่าเคยรักเธอ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว คือมันโครตปวดใจเลยหวะ แต่แผนที่จะหนีออกไปก็ยังคงเดิม เพราะไซลาสไม่มีความรู้สึกไง สิ่งใดที่วางแผนไปแล้ว เขาก็จะทำต่อไปตามนั้น ใจนีอาคือเจ็บปวดที่สุด มันเหมือนเราจะไปอยู่กับคนที่เรารัก แต่เขาไม่รักเราแล้วอะ มีแต่ตัว ไม่มีใจให้แบบนั้น ยิ่งมองแผ่นหลังของไซลาสก็ยิ่งเศร้า มันเหมือนย้อนกลับไปตอนแรกที่ไซลาสเอาแต่เดินตามเธอ คอยแอบมองเธอห่างๆ มันอารมณ์แบบนั้นเลย รักเขาแต่เขาไม่รักเราไง โครตเจ็บอะ และแม้ว่าไซลาสจะขึ้นรถไฟไปกับเธอ แต่ก็เลือกนั่งกันคนละที่ เขานั่งอยู่ข้างหลังเธอ และเมื่อเธอนั่งย้อนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่แรกรัก ตอนเขายิ้มให้เธอ กอดเธอ หัวเราะกับเธอ มันโครตเจ็บปวด จนเธอร้องไห้ออกมา และทั้งหมดที่เธอเป็นนี้ การที่เห็นเธอร้องไห้ทำให้ไซลาสที่นั่งด้านหลังเธอเหมือนจะมีความรู้สึกกลับมา จึงเดินมานั่งข้างเธอ และค่อยๆจับมือเธอเอาไว้ เหมือนเป็นการปลอบโยน และมองหน้ากัน เสมือนการแทนคำพูดว่าเขากลับมาแล้วนั่นเอง
ปล. เห็นไหม หนังบ้าไร โครตสะเทือนใจเลย T___T
[ Soundtrack ] และไม่ควรพลาดกับเพลงประกอบหนังและทีเซอร์ ที่ช่วยบิ๊วอารมณ์ให้สะเทือนใจขนาดนี้
1. Aurora - Winter Bird
2. Kill for love - Chromatics
ส่งท้ายด้วย gif นี้ สมัยแรกรัก โครตน่ารักเลยค่าาาา
และละลายไปกับ ...
อ้อ ส่วนภาพนี้ถ่ายก่อนเข้าโรงหนัง ตอนนั้นดี๊ดากับนิคและคริสอยู่ ถ้าถ่ายตอนออกจากโรงหนัง คงไม่ได้ภาพแบบนี้ สะเทือนใจ (จากภาพแล้ว ก็ไม่ค่อยชอบนิคเท่าไหร่ -///-)
Source : @EqualsTheMovie
By. เจ้าพีฯ
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น