[รีวิว] หนังสือ: หมอกข้าว You are my cutie pie

🌈 หมอกข้าว You Are My Cutie Pie 2 เล่มจบ
ฤดูกาลที่ 1: On rainy day
ฤดูกาลที่ 2: On a beautiful day
ผู้แต่ง: พัคยูจิน

หมอกข้าว - ผู้แต่ง: พัคยูจิน

[ รีวิว ]

    ตอนที่อ่านเรื่องนี้จบประเทศไทยกำลังหนาวพอดี การได้หมอกข้าวมาอ่านในช่วงนี้ให้ความอบอุ่นหัวใจคนอ่านแบบเราได้ดีมาก การได้เห็นการเดินทางของความรักและความสุขของตัวละครพร้อมกับการสอดแทรกสาระและข้อคิด มันเติมเต็มจิตใจคนอ่านแบบสุดๆ จนไม่อยากให้จบ อยากอ่านเรื่องราวของพวกเขาไปเรื่อยๆ จนลูกเขาบวชเลยอะ 😂 

    ตัวหนังสือแบ่งเป็น 2 เล่ม โดยมีเรื่องราวของหมอกและข้าวใน 3 ช่วงเวลา นักอ่านจะได้เห็นพวกเขาค่อยๆเติบโตขึ้น เริ่มตั้งแต่มัธยม มหาวิทยาลัย และวัยทำงาน การได้โจทย์ challenge กับคำว่ารักไม่ใช่ทุกอย่างจนต้องแยกไปเติบโต การกลับมาเจออีกครั้งในพาร์ททำงานก็น่าสนใจ รวมถึงการปรับจูนความสัมพันธ์กับคนเดิม คือมันดีไปหมด เป็นหนังสือที่ตัวละมีมิติมากๆ อีกเรื่อง ถ้าตอนนี้ใครมาถามเราว่ามีเรื่องไหนแนะนำให้อ่านไหม เราจะตอบว่าหมอกข้าวอย่างไม่ลังเลเลย 💜

** โปรดระวังสปอยล์และความยาวของรีวิว 😂 : เลี่ยงเหตุการณ์สำคัญไว้ประมาณหนึ่ง **

[ ฤดูกาลที่ 1: On rainy day ฤดูฝนไม่เหงาเท่าวันวาน ]

    เล่มแรก เล่าความสัมพันธ์ของหมอกข้าว ตั้งแต่แรกรู้จัก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของการสบตากันครั้งแรก การพยายามเข้าหา การพยายามทำตัวเนียนๆเข้าหาข้าวของหมอกคือน่ารัก มันเป็นฟีลความฟุ้งฟริ้งสีชมพูที่กระจายรอบตัวพวกเขาที่คนอ่านสัมผัสได้แม้จะยังไม่มีอะไรในก่อไผ่ก็ตาม แต่ก็น่าเสียดายที่ความฟุ้งฟริ้งนี้จบลงเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้หมอกได้หายหน้าหายตาจากข้าวไปหลายปี

    ในพาร์ทชีวิตมัธยมนักเขียนมีปูปมครอบครัวของทั้งหมอกและข้าวให้นักอ่านได้รับรู้ เพื่อประกอบเป็นมิติตัวละครว่านิสัยใจคอของพวกเขาก็ได้จากการเติบโตมากับครอบครัวแบบใด โดยเฉพาะข้าวที่จะค่อยๆเติบโตขึ้นให้นักอ่านได้เอ็นดูในทุกช่วงเวลา เพราะข้าวในวัยมัธยมเป็นคนเงียบๆ เก็บตัว และอ่อนโยน เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความทะเยอทะยานเท่าไหร่ ด้วยเพราะข้าวเองก็เข้าใจเรื่องสถานะการเงินของทางบ้าน ทำให้เป็นคนเจียมตัวและไม่เรียกร้องเลยก็ว่าได้ ในแง่ความรักตอนพวกเขาอยู่มัธยมด้วยความเงียบๆของข้าว แม้ว่าหมอกจะออกตัวแรงมาก แต่เพราะความนิ่งของข้าวทำให้จริงๆนักอ่านก็เดาไม่ออกว่าจะใจตรงกันไหม และน่าเศร้าที่ความสัมพันธ์มันจบลงก่อนจะได้เริ่มขึ้นเสียอีก 

    ความสัมพันธ์ที่จบลงก่อนจะได้เริ่มครั้งนั้น มันได้ทิ้งตะกอนในใจ และเรื่องราวเบื้องหลังมากมายให้นักอ่านได้เข้าใจและปวดใจไปพร้อมๆกับพวกเขา เราดีใจเมื่อทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในมหาวิทยาลัย โดยเหตุการณ์ในอดีตทำให้หมอกเรียนช้ากว่าข้าวไป 1 ปี และบอกเลยว่าเจอกันคราวนี้ใครที่รอความหวานของคู่นี้คือฟินมาก 💗

    หากหมอกในวัยมัธยมตกเราได้แล้ว หมอกในช่วงมหาวิทยาลัยกลับตกเราได้หนักยิ่งกว่า! ในช่วงเวลาที่หายไปหมอกก็โตขึ้นเป็นผู้ชายที่มีความสุภาพบุรุษมากๆ และยังเป็นคนเดิมที่มีความอบอุ่นให้กับข้าวเพียงคนเดียว ยิ่งได้ผ่านการเรียนรู้ว่าเวลาล้วนไม่แน่นอน ทำให้เมื่อเจอข้าวคราวนี้หมอกเองก็พุ่งเข้าหา แต่ดันติดที่ว่าข้าวมีแฟนแล้ว ซึ่งหมอกเองก็ไม่ถือ เขารอได้ แต่อย่าเผลอทำข้าวเสียใจแล้วกันเขาเสียบแน่ คือมันดี! มันกร้าวใจ! รวมถึงนักอ่านจะได้เห็นการกระทำของหมอกในหลายๆด้านที่เขาทำให้ข้าว เรานี่อยากกรี๊ดใส่ในทุกครั้ง ทั้งอยากสิงร่างข้าว อยากเป็นข้าว อยากได้ความรักจากหมอกเหมือนข้าว 😍

    แน่นอนว่าการรอคอยย่อมมีวันจบ นั่นคือวันที่แฟนเก่าข้าวทำให้ข้าวเสียใจ ทำให้หมอกได้มีโอกาสกลับมาดูแลข้าวอีกครั้งแบบเต็มตัว หมอกได้เลื่อนฐานะหลายครั้งมาก ทั้งจากเพื่อนเก่า เป็นเพื่อน เป็นคนคุย เป็นพ่อข้าวตู (แมวที่ข้าวรับเลี้ยง) และเป็นแฟนข้าว ในแต่ละฐานะหมอกทำได้ดีมากๆ ถ้ามีสิบคะแนนก็คือเอาไปร้อยเลยจ้ะ ยิ่งพาร์ท NC แรกของทั้งคู่ก็คืออ่อนโยนไม่ไหว ดีมากกก (สปอยล์สักนิดว่าตรงนี้ว่าดีแล้ว แต่เล่ม 2 กลับดียิ่งกว่า!! 😚)

    และในท้ายเล่มเราจะได้มิติชีวิตที่โตขึ้น ด้วยหมอกเรียนช้ากว่าข้าวไป 1 ปี เราจึงจะได้เห็นข้าวในวัยทำงานก่อน ได้เห็นการพยายามหางาน พยายามทำงานตามเป้าหมาย ความกดดันจากที่บ้านเรื่องการส่งเงินรายเดือน และค่าใช้จ่ายหรือความจำเป็นในการดำเนินชีวิตต่างๆ มันมีแง่ของข้าวคนเดิมที่อดทน พยายามไม่บอกความรู้สึกกับใคร แม้กระทั่งกับหมอก ข้าวเองก็พยายามไม่สร้างปัญหาและไม่อยากเป็นภาระของใคร คือเราอ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความอดทนของข้าวมากๆ และเราก็ได้เห็นว่าหมอกเองก็ซัพพอร์ตข้าวในหลายๆทาง ทั้งคอนโด และรถยนต์ให้ข้าวใช้ไปทำงาน คือหมอกเองก็เต็มที่สุดๆ แต่ปัญหามันก็ยังอยู่ตรงนั้นอยู่ดี

    แน่หละ ในวัยทำงาน ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตอะ และคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้นก็จะมองไม่เห็นปัญหาจนกว่าจะมีคนนอกที่มองทะลุทุกอย่างและกล้าบอกปัญหากับเราตรงๆ ยิ่งเป็นคนที่เรารักและเคารพมันเลยต้องเอากลับมาคิด จนสุดท้ายถึงจะตกตะกอนได้ ซึ่งหมอกเองก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว และเมื่อเปิดตามองจริงๆ เขาเองก็ต้องยอมรับว่ามันมีปัญหาที่เขาเองแก้ไม่ได้ ความรักบางครั้งมันก็เป็นการทำร้ายอีกคนได้เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงต้องยอมเสียสละ ยอมเจ็บปวดเพื่อให้อีกข้าวได้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ เพื่อให้ข้าวและตัวเขาได้โตขึ้น และเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม 

    ในท้ายที่สุดของพวกเขาในเล่มนี้ มันมีการบอกเลิก มีการปล่อยมือ มีการจากลา มีทั้งรักทางไกล มีทั้งสัญญาที่ไม่มีการรับคำ ตอนอ่านคือโคตรทรมานแทนหมอกและข้าว 😭 

สแตนดี้หมอกข้าวทั้ง 2 เวอร์ชั่น เป้นของรางวัลจากกิจกรรมใน RAW

[ ฤดูกาลที่ 2: On a beautiful day ให้รักชโลมใจ ]

    จากเล่ม 1 ที่ทำให้นักอ่านอารมณ์ค้าง เหมือนถูกทิ้งไว้แบบโดเดี่ยวที่โคเปนเฮเกนกับข้าว เล่มนี้เป็นเล่มที่ให้ความรู้สึกเดียวกับชื่อเรื่องว่าให้ชโลมใจนักอ่านด้วย การกลับมาเริ่มใหม่กับคนเดิม เวลาที่หายไป 5 ปี บางสิ่งในตัวอีกคนก็เปลี่ยน ทั้งคู่ต้องปรับจูนกันอีกครั้ง โดยเฉพาะข้าวที่ต้องรับความน้อยใจหลายครั้งเพราะหมอกเย็นชาใส่ในช่วงแรก คือเอ็นดูสุด หมอกไม่ใจร้ายได้ไหม 😣

    เล่ม 2 เราจะได้เห็นข้าวและหมอกในวัยที่โตขึ้น โดยเฉพาะข้าวที่บุคลิกเปลี่ยนเล็กน้อย ซึ่งเป็นการเปลี่ยนในแง่ดี ด้วยวัยและประสบการณ์ในต่างแดนทำให้ข้าวมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็น เป็นข้าวในเวอร์ชั่นที่นักอ่านก็ชอบมากอยู่ดี หนังสือมีแทรกการดำเนินชีวิตแบบเรียลๆ ที่มีทั้งเรื่องงาน ความรัก และครอบครัวให้ได้บาลานซ์กันไป 

    พาร์ทการงาน คือพนักงานบริษัทนี้ปากแซ่บไม่ไหว ทั้งกลุ่มลับ กลุ่มเม้าท์ นินทาและสอดรู้เก่ง ซึ่งเราว่าหมอกรู้เลยพยายามเลี่ยงๆที่จะคุยกันในที่ทำงาน ซึ่งหมอกและข้าวก็วางตัวได้ดีมาก แต่ก็ยังไม่วายมีคนอยากจะมาเป็นมือที่สาม ในแง่นึงเราก็สงสารคุณออมนะ เขาจีบเพราะเขาคิดว่าหมอกโสด ซึ่งแต่แรกหมอกก็ไม่ได้ปฏิเสธให้ชัดเจนขนาดนั้น เพิ่งจะมาชัดขึ้นตอนที่ข้าวกลับมาเนี่ยหละ แต่อีกแง่เราก็ไม่สงสารนะ สิ่งที่คุณออมกระแนะกระแหนข้าวหรือหาเรื่องข้าวในเรื่องงานมันก็วอนโดนอยู่ ซึ่งในเรื่องสังคมชีวิตออฟฟิตเราว่านักเขียนทำได้ดีเลย ตีแผ่ได้ในหลายแง่ ทั้งความหน้าไหว้หลังหลอก ความคลื่นใต้น้ำ ความกดดัน การสร้างอำนาจ การตัดสินใจในเรื่องหนักๆ และการสร้างความเชื่อใจกับพนักงาน คือมันมีหลายๆอย่างที่แบบไม่น่าเชื่อว่าจะสอดแทรกไปกับนิยายรักได้ แต่คุณนักเขียนทำได้ เราปลื้มนะ! 👍

    พาร์ทความรัก ช่วงแรกของการกลับมาแล้วทำงานที่เดียวกัน หมอกเย็นชาน่าดูเลย ในมุมมองของข้าวก็อดจะน้อยใจไม่ได้ แต่ถ้าในมุมมองของหมอกเราก็เข้าใจได้นะ ตั้ง 5 ปีเลยนะที่เขาตัดใจยอมถอยให้ข้าวได้ไปเรียนต่อเพื่อให้ข้าวได้โตขึ้น เขาเลยอยากให้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ให้ทุกอย่างมันมั่นคงในทุกการก้าวเดินของข้าว เขายังคงเป็นหมอกที่รักข้าวและยังเป็นหมอกที่รอบครอบ แต่เปลี่ยนจากการดูแลโอบอุ้มข้าวแบบตรงๆเป็นทางอ้อม เพื่อให้ข้าวยืนได้ด้วยตัวเอง และไม่เจอคำครหาในที่ทำงานว่าเพราะเขาช่วยเหลือจึงต้องแยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกันให้ชัดเจน พอเรามองมุมมองนี้ หมอกก็คือหมอกคนเดิมในวัยที่โตขึ้นนั่นหละ 💗

    ยิ่งหมอกจูนความรู้สึกกับข้าวติดแล้ว ยิ่งแบบโอ้โห ออร่าแฟนหนุ่มมาแรง 🔥 ไม่เป็นหมอกคนซึนแล้ว ไม่เย็นชาแล้ว โดยเฉพาะฉากที่ข้าวถามว่า "หมอกมาหวงข้าวแบบนี้ เห็นข้าวเป็นอะไร?" คือมันมีทั้งความน้อยใจ ความไม่แน่ใจ ฉันเอ็นดูข้าวมาก แล้วพอหมอกตอบว่า "เป็นแฟน เป็นแฟนข้าว และข้าวเป็นแฟนหมอก" มันเป็นฟีลลิ่งแบบหมอกได้ทำลายกำแพงในใจแล้ว คนอ่านก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปด้วย ในที่สุดเขาก็กลับมาชัดเจนรักกันเหมือนเดิมแล้วค่ะ ฉันดีใจมาก 😭 

    พอเขารักและกลับมาคบกันแบบ 100% แล้ว หลังจากนี้บอกเลยว่าหมอกไม่แผ่วเลยค่ะ พี่แทชิดซ้าย พี่ภัทรชิดขวา ตอนนี้หมอกยืนเด่นตรงกลางเลยค่ะ เป็นที่สุดความหลัวของนามปากกาพัคยูจินใน ณ ขณะนี้🔥🔥🔥 หมอกกินดุมาก หมอกไม่อ่อนโยนเหมือนตอนมหาวิทยาลัยเลย แต่หมอกก็คือดี! รวมถึงข้าวเองก็ด้วย ลูกสาวสู้งานมาก หมอกยังชม! รู้เลยว่า 5 ปีที่หายไป พวกเขารักและคิดถึงกันมากๆ และพวกเขาก็ดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาเป็นของกันและกันอีกครั้ง 💜 (ที่สุดในเรื่อง เราให้ฉากขึ้นบ้านใหม่นะ หมอกคือทำคนอ่านจะบ้าตาย! รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนั้น ตายๆๆ 😳)

    ส่วนเรื่องปัญหาภายในครอบครัวข้าว เราว่านักเขียนตีความและสรุปได้อย่างดี มันคือวัฒนธรรมครอบครัวของคนในยุคสมัยนั้น ที่เขามองโลกต่างกับเราวัยรุ่นในทุกวันนี้ ตัวเราเองที่เป็นคนอ่านก็ไม่กล่าวโทษแม่ข้าวเลยนะ แต่เราแค่เสียใจร่วมกับข้าวแค่นั้นที่ในวัยนั้นต้องยอมปล่อยมือจากหมอก และท้ายสุดพอเราจะได้เห็นว่าแม่ข้าวเองก็เสียใจไม่แพ้กัน และแม่เองก็พยายามจะชดเชยให้หมอกและข้าวในรูปแบบใดแบบหนึ่งมาโดยตลอด นั่นแหละคือความเป็นแม่ และท้ายที่สุดแม่ก็ไม่ได้คิดผิด เพราะข้าวในตอนนี้คือคนที่แม่สามารถคลายห่วงและคลายกังวลได้แล้วจริงๆ 

    ท้ายที่สุด เราดีใจที่พวกเขาได้กลับมาสานต่อความสัมพันธ์อีกครั้ง ขอบคุณที่หมอกและข้าวยังคงรอคอยและซื่อสัตย์กับคนเดิม ขอบคุณข้าวที่เข้ามาทำให้ฤดูฝนของหมอกดีขึ้นกว่าเดิมทั้งในอดีตและปัจจุบัน ขอบคุณที่ข้าวมาสร้างครอบครัวกับหมอกและมาเติบเต็มความสุขที่ขาดหายไปด้วยกัน และขอขอบคุณนักเขียนที่ได้ส่งต่อเรื่องราวเหล่านี้มาให้นักอ่านได้ซึมซับและหลงรักพวกเขาแบบโงหัวไม่ขึ้นเลยค่ะ 💜 

    ปล. เราชอบตอนที่หมอกคุยกับเพื่อนๆแก๊งสถาปัตย์ เราว่าดีอะ มันเรียล เหมือนเราได้เห็นหมอกในบุคลิกที่สมกับวัย ไม่ใช่หมอกที่สุขุมโตเกินวัยแบบนี้ ถ้านักเขียนมีโอกาสขยายจักรวาลโดยใช้เพื่อนๆหมอกเป็นตัวนำ แล้วได้ให้หมอกกลับมามีบทบาทอีก น่าจะสนุกแน่ๆเลยค่ะ 😊

💗 พาร์ทความรักที่เราชอบ ]

  1. เราชอบการเต๊าะสาววัยเด็กมัธยมของหมอก รุกเนียนๆ ค่อยๆไปเป็นส่วนนึงในชีวิตเขา ไม่บอกว่าจีบ แต่ตัวติดไม่ห่าง
  2. พอสมัยมหาวิทยาลัยแล้วรู้ว่าข้าวมีแฟน เราชอบเส้นแบ่งที่หมอกสร้าง รู้ว่าเพื่อนทำได้แค่ไหน เขาก็พยายามห้ามใจ แต่ที่แน่ๆ อย่าเผลอทำพลาดแล้วกัน เขาเสียบแน่ 😆
  3. ตอนข้าวบรรยายความรู้สึกตัวเองถึงหมอก ว่าอดีตรู้ตัวช้าไป ทำให้ไม่ได้เริ่มความสัมพันธ์ ดังนั้นคราวนี้เลยตอบตกลงไว คนอ่านปลื้มใจเลยว่าความรู้สึกตอนนั้นหมอกไม่ได้ตบมือข้างเดียว 😊
  4. หมอกคือผู้ชายอบอุ่น คิดรอบครอบ วางตัวดี ข้าวต้องไม่เสียชื่อเสียงเพราะเขา ผู้ชายแบบนี้ถ้าเจอต้องกอดแน่นๆ ❤️
  5. แม้ในวัยที่โตขึ้น หมอกก็ยังเป็นคนที่รอบครอบ เขาวางแผนสร้างครอบครัวให้มั่นคง เพื่อจะพูดได้อย่างภาคภูมิว่าสามารถดูแลข้าวได้ตลอดไป

💗 พาร์ทสาระที่เราชอบ ]

  1. ความเหลื่อมล้ำของสวัสดิการทางการแพทย์ บอกว่าทำไมถึงควรมีประกัน ไรท์สามารถเขียนให้ย่อยง่าย และเห็นผลจากการที่มีประกัน คือเลิศ👍
  2. ตอนพูดถึงสัตว์เลี้ยง ว่าพ่อแม่ไม่ควรให้ของขวัญกับลูกเป็นสัตว์อะ ถ้าไม่ช่วยดูเลี้ยงด้วย เพราะเด็กขาดความรับผิดชอบ และมีความไม่รู้ในการเลี้ยงเยอะ จนสุดท้ายสัตว์อาจตายได้ 🥲
  3. อาชีพตำรวจที่คนดูถูก จริงๆในทุกวงการมันมีทั้งคนดีเลวปะปนกันแหละ แต่ไม่ควรเหมารวมว่าอาชีพนี้ไม่ดี เขาอาจเป็นพ่อ/พี่/ปู่/อา/ลุง ของใครสักคน เมื่อเขาตาย คนข้างหลังเขาก็เสียใจเหมือนกัน อย่าซ้ำเติมหรือมองข้ามเขาเลย บทนี้โคตรทับใจ 🥲
  4. อำนาจมืด ครอบครัวไฮโซ ทำอะไรแล้วพ้นผิดเสมอ คืออย่างเรียลกับสังคมไทย พบเจอตามหน้าข่าว กี่ปีผ่านไปมันก็ยังเป็นแบบนี้ ความยุติธรรมอะ โคตรอยากเรียกร้องให้มันดีขึ้น เป็นกลาง ตัดสินคนผิด ไม่โทษเหยื่อ คือไรท์สุดปังอะ 👏
  5. ข้าวลูกรัก แม้จะรู้สึกได้ว่าพ่อแม่ลำเอียง แต่ข้าวก็รักพวกท่านแบบไม่มีน้อยใจ ข้าวมาเยี่ยมพ่อดูแลปรนนิบัติอย่างดี อยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระ ยิ่งทำให้เราเอ็นดูเด็กคนนี้มากๆ น้องตัวแค่นี้🤏 โลกอย่าใจร้ายกับน้องเลย
  6. การเลือกอาชีพ ความชอบกับอาชีพมันมองแค่นั้นไม่ได้อะ มันต้องถามว่าสิ่งที่ชอบได้เงินพอไหมรับได้ไหม ถ้าได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องหาสิ่งอื่นที่ให้เงินเราได้มากพอ หมอกเองก็เสียสละสิ่งที่ชอบออกไปเพื่องานที่ได้เงินมากกว่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความชอบในการออกแบบซึ่งเขาก็มาออกแบบภายในเรือนหอแทน
  7. สำหรับบางคนความรักไม่ใช่ทุกอย่าง ไม่ใช่การจับมือสู้แบบอดทนไปด้วยกัน แต่มันต้องมาจากพื้นฐานและความพร้อมที่ดีก่อนคุณถึงจะมีรักได้แบบไร้ทุกข์ มันเป็นไรที่จุกอกนะ เมื่อคิดถึงว่าหลายคนต้องเลิกรากันไปด้วยปัญหานี้ 😢
    
    สุดท้ายนี้ เอาจริงๆก็คือชอบทั้งเรื่องนั่นหละ มันปังทั้งบทรักและสาระ นิยายเล่มแค่นี้แต่นักเขียนแทรกสาระไว้หลายจุดมาก เรารัก ❤️ แล้วพออ่านมาถึงตรงนี้ บอกได้แค่ว่าอยากเป็นมันหมี #หมอกข้าว ตลอดไป เราอยากให้ชีวิตเขาทั้งคู่มีแต่ความสุข เป็นเซฟโซนให้กันแบบนี้ไปตลอด เลี้ยงดูพี่ข้าวตูและพี่ข้าวปั้นจนแก่เฒ่าไปด้วยกันเลย 😻
ของแถมในเล่ม ได้เหมือนกันทุกคนค่ะ
คอมมิชชั่นจุกขนาดนี้ ไรท์เขายังได้กำไรอยู่ไหมนะ เขียนเอาสังคมมาก (แซววว😝)

By. เจ้าพีฯ
Share on Google Plus

About PEARRIEZ

ชอบดูหนัง อ่านหนังสือนิยาย การ์ตูน ฟังเพลง ท่องเที่ยว อะไรที่ทำแล้ว Entertain ตัวเองคือชอบหมด หวังว่าสิ่งที่เราชอบ ที่เราแนะนำ จะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างสักเล็กน้อยก็คงดี ^^
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 Comments:

แสดงความคิดเห็น