เมืองเก่า ธรรมชาติสวย เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นที่สุด ถ้าคุณไม่ลืมเอากล้องไป ..DAY 4 (9 เมษายน 2559)
วันแห่งการตะลุยเกียวโต วันแห่งการเช็คอินที่แหล่งแลนด์มาร์กทั้งหลาย แนะนำให้ตื่นแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวนะฮะ เพราะจะได้ภาพที่สวยงาม คนน้อย เดินสบาย แต่เราดันตื่นสาย และพีคสุดคือลืมเอากล้องไปด้วย T^T ดังนั้นภาพทั้งหมดของวันนี้จะเป็นภาพที่แฟนเราถ่าย บวกกับภาพที่ถ่ายจากมือถือเล็กน้อย :(
การเดินทางในเกียวโตมีหลากหลายวิธี แต่สำหรับคนซื้อ JR Pass บัตรนี้มันจะไม่ครอบคลุมถึงการเดินทางภายในตัวเมืองเสียเท่าไหร่ เพราะคนในเกียวโตส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยรถบัส หรือรถไฟใต้ดิน แต่นักท่องเที่ยวแบบเรา ถ้าจะเอาแบบเดินทางง่ายๆ ลงหน้าสถานที่ต่างๆเลยก็ควรจะซื้อบัตร Kyoto bus 1 day pass ราคาแค่ 500y หาซื้อได้ที่จุด Infomation ภายในสถานี Kyoto
Tips : ไม่แนะนำให้นั่งรถบัสในวันหยุดเพราะคนเยอะมาก อาจจะไม่ได้นั่งสบายๆ และอาจจะต้องยืนเป็นเวลานานเลยทีเดียว ยิ่งรถติดด้วยแล้ว เมื่อยขาแน่นอนฮะ
ป่าไผ่ Arashiyama
ถ้าพูดถึงเกียวโต ก็ต้องป่าไผ่ เมื่อมีโอกาสก็ควรจะแวะมาสักครั้งเนอะ ทางเดินที่ทอดยาวไปยังป่าไผ่มีบรรยากาศร่มรื่นมาก ระหว่างทางจะมีศาลเจ้าให้แวะสักการะ และหากเดินต่อไปเรื่อยๆก็จะถึงป่าไผ่ในที่สุด
Tips : ควรมาแต่เช้า คนน้อย อากาศดี เดินได้เพลินๆเลย ถ้ามาหลังเก้าโมงนักท่องเที่ยวจะเริ่มเยอะ และแสงจะเริ่มแรงเกินไป ทำให้ถ่ายภาพไม่สวย
การเดินทาง : JR Shin-Osaka -> JR Kyoto -> JR Saga-Arashiyama แล้วเดินต่อตามป้ายบอกทางไปป่าไผ่
วัดเท็นริวจิ Tenryuji Temple
Tips : เป็นวัดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ และมีสวนญี่ปุ่นให้เดินเล่นด้วย ถ้าใครมาช่วงซากุระ ควรมาเดินเล่นแถวลานจอดรถของวัดด้วย เพราะมีต้นซากุระต้นใหญ่อยู่ที่นี่ สวยงามจริงๆ
การเดินทาง : เดินออกจากป่าไผ่มาเรื่อยๆตามถนนหลัก
วัดคินคะคุจิ (วัดทอง) Kinkakuji Temple
วัดที่ใหญ่มากๆ ใครที่เดินเหนื่อยๆแล้วหลงเข้ามา แล้วแบบว้าวกับวัดทอง ยืนชมสักพัก ถ่ายภาพเสร็จ แล้วอยากเดินย้อนกลับ เราบอกเลยว่าไม่ได้ 5555 เพราะเป็นทางเดินแบบ One Way คือคุณต้องเดินตามทางไปเรื่อย เดินวนไปค่ะ ทางก็จะพาขึ้นเขา ลงเขา จนถึงทางออก 55555
การเดินทาง : นั่งบัสจากหน้าวัดเท็นริวจิ ลงป้าย Kinkakuji michi
วัดกินคะคุจิ (วัดเงิน) Ginkakuji Temple
เป็นวัดที่ทางขึ้นวัดสวยมากกกกก ยิ่งมาช่วงซากุระยิ่งสวยสุดๆ เพราะเป็นทางเดินเรียบคลองที่เต็มไปด้วยซากุระตลอดทาง อยากให้ลองมากัน มาถ่ายรูปหรือเดินเล่นก็ได้ รับรองได้ภาพกลับไปแบบไม่ผิดหวังเลย และได้เจอคนญี่ปุ่นมาชมซากุระกันเยอะมาก ไม่ว่าจะเด็ก ครอบครัว คู่รัก หรือผู้ใหญ่ หรือได้เจอคู่รักเดินเที่ยวในชุดกิโมโน น่ารักกกกก แต่วัดนี้เราไม่ได้ขึ้นไปจนถึงตัววัด เพราะจากป้ายรถบัสจนถึงทางเข้าวัดไกลมากกกก เราเหนื่อย เราเลยขอนั่งกินไอติมระหว่างปล่อยแฟนเราเดินขึ้นเขา เข้าวัด ไปถ่ายรูป 5555
การเดินทาง : นั่งบัส ลงป้าย Ginkakuji michi แล้วเดินต่อมายังตัววัด
วัดคิโยมิซึ (วัดน้ำใส) Kiyomizu Temple
วัดไม้ที่แสนเป็นเอกลักษณ์ วัดที่คนเยอะและแน่นที่สุดเมื่อเทียบกับวัดที่ผ่านๆมาในเกียวโต
Tips : สำหรับคนที่ไปเที่ยวช่วงวัดจัด Lights up เราว่ารอเข้าช่วงเย็นเลยดีกว่า เพราะจะได้ถ่ายรูปวัดใน 2 บรรยากาศ คือช่วงที่ฟ้ายังไม่มืด และช่วงที่เปิดไฟแล้ว จะได้มาทีเดียวแต่ได้ภาพ 2 แบบเลย ^^ และอย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวมานั่งรอเปิดไฟด้วย บอกเลยนั่งรอหนาวมากกกก ตอนนั้นอุณหภูมิเป็นเลขตัวเดียว ถ้าจะเอาภาพสวยๆ ต้องนั่งยาวพอควรเลยหละ จนกว่าฟ้าจะมืดสนิท
ของกินในเกียวโต
ของหวานหาซื้อได้ตามข้างทาง และตู้กดไอติมทั่วไป ส่วนทงคัตสึ เราทานที่ร้านแถววัดเท็นริวจิ ส่วนใหญ่ร้านอาหารละแวกนั้นจะเปิดหลัง 11 โมง เป็นต้นไป และราเม็งทานที่ร้านแถวๆทางขึ้นวัดคิโยมิซึ อร่อยยย :)
และสุดท้าย จบวันด้วยการนั่งชินคันเซ็นจากสถานีเกียวโตกลับที่พัก นั่งสบายๆ 30 นาที ก็ถึงสถานี JR Shin-Osaka แล้วจ้า ^^
By. เจ้าพีฯ
MORE STORIES
[KANSAI]
DAY 1 : IF NOT NOW, THEN WHEN? BKK -> NARITA -> OSAKA
DAY 2 : RAINY DAY in OSAKA & KOBE
DAY 3 : USJ
DAY 4 : KYOTO LANDMARKS
DAY 5 : FUSHIMI INARI SHRINE, HIMEJI CASTLE, OSAKA CASTEL
MORE STORIES
[KANSAI]
DAY 1 : IF NOT NOW, THEN WHEN? BKK -> NARITA -> OSAKA
DAY 2 : RAINY DAY in OSAKA & KOBE
DAY 3 : USJ
DAY 4 : KYOTO LANDMARKS
DAY 5 : FUSHIMI INARI SHRINE, HIMEJI CASTLE, OSAKA CASTEL
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น